21 ธันวาคม 2012

โลกยัีงคงปลอดภัยดี ไปอีกคราหนึ่ง เริ่มนับปฏิทินมายันรอบที่ 13

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เกิดอะไรขึ้นในรอบสัปดาห์ (ต้นเดือนธค. 2012)

ใกล้เข้ามาแล้ว คำทำนาย "วันสิ้นโลก" 21 ธค. 2012 เว้นไปนานกับการ Update ข่าว มาคราวนี้ลงภาพข่าวให้ดูกันครับ

















วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การรับมือกับภัยพิบัติด้วยตัวของท่านเอง

การรับมือกับภัยพิบัติด้วยตัวของท่านเอง หากไม่มั่นใจว่าหน่วยงานใดจะช่วยท่านได้ หรือไม่รู้จะหาข้อมูลอย่างไร ลองค้นหาข้อมูลเองก่อน บ้านหรือจังหวัดที่ท่านอยู่อยู่ในแนวรอยเลื่อนหรือไม่ หรือเคยถูกน้ำท่วม หรือมีพายุ หรือเคยเกิดไฟป่า

หลัีงจากเกิดแล้วยังอยู่ต่อได้ไหม

ถ้าได้ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตอย่างไรเพื่อยู่ตรงนั้นต่อ จะอยู่ระยะสั้นหรือยาว ลองดู

ไอเดียที่ได้จากการไปฟังสัมมนาการรับมือกับพัยพิบัติ
รอยเลื่อนต่างๆ ในประเทศไทย ดูเอาไว้ว่านี่คือตำแหน่ง
ที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไหร่ก็ได้
แนวน้ำท่วมปีที่แล้ว ดูไว้ว่าที่ไหนเคยท่วม
เพื่อการวางแผนล่วงหน้าในอนาคตว่าควรอยู่ต่อหรือย้าย?

ชาวเชียงแสนผวาแผ่นดินแตก


ชาวเชียงแสนผวา แผ่นดินแยก ผู้ใหญ่บ้านนำทีมตรวจ
มึนไม่รู้ต้นตอ เร่งประสานผู้เกี่ยวข้องพิสูจน์ทราบ
วันที่ 6 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า นายนพคุณ สุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งจาก นางกรกช ศรีวิไล อยู่บ้านเลขที่ 19 ม. 7 บ้านสบกก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ว่าได้เกิดรอยแยกของแผ่นดินขึ้น ภายในบริเวณบ้านของตนเอง เป็นทางยาวประมาณ 15 เมตร ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดเกิดจากสาเหตุใด จึงแจ้งให้เพื่อไปทำการตรวจสอบ

นางกรกช กล่าวว่า หลังจากเกิดฝนตกอย่างหนักฟ้าคะนองรุนแรงตั้งแต่เมื่อคืนติดต่อกันมาจนถึงรุ่งเช้า หลังตื่นมาจะทำอาหารที่ห้องครัว ต้องตะลึง ปรากฎว่าเกิดรอยร้าวเป็นทางยาวภายในบริเวณบ้านใกล้ๆ ห้องครัว ส่งผลให้ผนังห้องครัวมีรอยปริแยกไปด้วย คณะกรรมการหมู่บ้านและชาวบ้านจึงเดินทางไปร่วมกันทำการตรวจสอบเบื้องต้น

จากการสำรวจรอบๆ ภายในบริเวณบ้าน พบรอยแยกที่เกิดจากการทรุดตัวของแผ่นดิน คาดว่าเกิดจากฝนตกตลอดทั้งคืนทำให้พื้นดินไม่สามารถอุ้มน้ำได้ จึงทำให้พื้นดินบางส่วนทรุดตัวลง และแยกเป็นรอยร้าวเป็นทางประมาณ 15 เมตร หยั่งความลึกจากผิวดินลงไปประมาณ 50 - 100 ซม. ขนาดกว้างรอยแยกบนผิวดินประมาณ 30 ซม. ซึ่งจะได้ทำการแจ้งให้หน่ายงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุกันอีกครั้ง


ข้อมูลจาก http://www.dailynews.co.th/thailand/113258

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

พายุฤดูร้อนในไทย



เกิดลมพายุฤดูร้อนโหมกระหน่ำพื้นที่ อำเภอหนองโดน จ.สระบุรี ต้นงิ้วขนาดใหญ่ที่บริเวณหลังสถานีรถไฟหนองโดน หักโค้นทับร้านค้าพังเสียหายจำนวนหลายห้อง ทั้งนี้ ต้นงิ้วดังกล่าวถูกลงพายุลูกตกหักพาดเสาไฟฟ้า หักโค้นลงมาทับกรีดขวางถนนอีกจำนวนหลายต้น นายณรงค์ ศรีศุภอรรถ ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี นำพนักงานไฟฟ้า จาก อ.พระพุทธบาท และอ.หนองโดน กว่า 30คน เร่งแก้ไขติดตั้งเสาไฟฟ้า เพื่อให้ชาวบ้านมีกระแสไฟฟ้าใช้เป็นการเร่งด่วนแล้ว ด้าน นายปราโมทย์ โพธิ์กะต้น นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองโดน ใช้นำเลื่อยยนต์ ไปตันทอนต้นไม้ออกไปให้พ้นถนนทางเข้าตลาด อำเภอหนองโดน เพื่อให้ชาวบ้านสัญจรไปมาได้สะดวก

นอกจากนี้ นายปราโมทย์ นายก กล่าวว่า ขณะฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมมีลมกรรโชกแรก มีลมพายุหนุ่นมีลูกเห็ดตกอย่างหนาแน่น บ้านเรือนประชาชนในท้องที่ หมู่ 3 และหมู่ที่ 4 บ้านเรือพังเสียหายกว่า 2หลังคาเรือน จะหาวิธีช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนแล้ว

พายุลูกเห็บพัดบ้านในอ.โพธารามพังกว่า 100 หลัง


นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยนายธวัชชัย วิสะมล นายอำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ราชบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณหมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 3 หมู่ 6 และหมู่ 7 ต.หนองกวาง หลังโดนพายุลูกเห็บพัดกระหน่ำทำให้บ้านเรือนราษฎรถูกพัดหลังคาและตัวบ้านพังทั้งหลังกว่า 100 หลังคาเรือน ราษฎรไม่มีที่อยู่อาศัยกว่า 145 ครอบครัว รวมทั้งต้นไม้ใหญ่และพืชผลทางเกษตรหักโค่นเสียหายจำนวนมาก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากถูกเศษกระเบื้องปลิวมาตกใส่จำนวน 2 ราย ทางญาติช่วยนำส่งโรงพยาบาลโพธารามไปก่อนหน้านี้แล้ว

เบื้องต้นนายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้สั่งการให้ทางอบต.หนองกวางได้ทำการสำรวจความเสียหายและส่งข้อมูลให้กับทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ราชบุรี เพื่อนำงบประมาณมาช่วยเหลือเป็นการด่วน ส่วนในเบื้องต้นนั้นได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยที่อบต.หนองกวาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับราษฎรที่เดือดร้อนด้วย

ด้านนายเสงี่ยม พูลเกษม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 7 ต.หนองกวาง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุลูกเห็บก็กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุนั้นนั่งอยู่ในบ้านเพราะขาเจ็บเดินไม่ค่อยไหว ตอนแรกก็มีฝนตกลงมาก่อนจากนั้นก็มีลูกเห็บตกตามมา ก่อนที่จะมีลูกพายุลูกใหญ่พัดมาและเห็นหลังคาบ้านหายไป จึงได้คลานออกมาแอบด้านนอก รอจนพายุสงบ จึงได้ออกมาดูบ้านก็พบว่าหลังคาบ้านหายไปหมด ภายในบ้านก็ถูกพายุพัดจนข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเสียหายทั้งหมด และมาทราบอีกทีว่าเพื่อนบ้านหลายคนก็โดนพายุพัดบ้านพังเหมือนกัน ยอมรับว่ากลัวมากเพราะเกิดมาไม่เคยเห็นลมพายุที่พัดรุนแรงขนาดนี้

วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555

แผ่นดินไหว8.9 ริคเตอร์เกาะสุมาตราเตือนสึนามิ




ด่วน! แผ่นดินไหว 8.9 ริคเตอร์ เกาะสุมาตรา อินโดฯ  ประกาศเตือน สึนามิ หลายจังหวัดอันดามัน-ตึกสูงกทม.รับรู้แรงสั่นสะเทือน ล่าสุดสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ (USGS) รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว 8.7 ริคเตอร์นอกชายฝั่งทางตะวันตกของสุมาตราเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 15.38.30 น.ตามเวลาประเทศไทยในวันนี้

ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่ความลึก 33 กิโลเมตร ละติจูด 2.0430 องศาเหนือ และ 92.5180 ลองติจูดองศาตะวันออก

อินโดนีเซียได้ออกประกาศเตือนภัยสึนามิใน 5 จังหวัดบริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ซึ่งรวมถึงจ.อาเจะห์ หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหาย รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ ทาง USGS รายงานความรุนแรงของเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ที่ระดับ 8.9 ริคเตอร์ ก่อนที่จะปรับลดลงสู่ระดับ 8.7 ริคเตอร์ในเวลาต่อมา

ศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งแปซิฟิก ในฮาวายกล่าวว่าการเฝ้าระวังคลื่นยักษ์มีผลครอบคลุมตั้งแต่อินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา ออสเตรเลีย เมียนมาร์ ไทย มัลดีฟส์และเกาะอื่นๆในมหาสมุทรอินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ปากีสถาน โซมาเลีย โอมาน อิหร่าน บังคลาเทศ เคนยา และแอฟริกาใต้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 แผ่นดินไหวขนาด 9.1 ริกเตอร์ในมหาสมุทรอินเดียแถบแดนอิเหนา ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปราว 230,000 คน

ด้าน นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.54 น. ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดความแรงที่ 8.6 ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยากำลังติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

"ถ้าใกล้ระดับ 9 ริกเตอร์ ก็มีโอกาสที่จะเกิดสึนามิ ตอนนี้เรากำลังเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด" รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าว

อย่างไรก็ดี กระทรวงไอซีทีได้ประกาศอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว และมีรายงานว่าหลายจังหวัดในฝั่งอันดามันของไทยได้รับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวดังกล่าวแล้ว เช่น จ.สงขลา, ภูเก็ต, สตูล และชุมพร รวมทั้งบางอาคารสูงในกรุงเทพฯ เช่น อาคารใบหยก อาคารสูงหลายแห่ง เช่น ย่านอโศกมนตรี สีลม สาทร สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้ ทำให้พนักงานต่างทยอยลงมาจากตึกเพื่อความปลอดภัย

ขณะที่ นายเลิดสิน รักษาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.)เปิดเผยว่า กรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ ใต้ทะเลนอกจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย อาจจะก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ได้ โดยจากจุดแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา ประมาณ 15.00น. คาดการณ์ว่าคื่นอาจจะเดินทางมาถึงฝั่งไทยได้โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง  อย่างไรก็ตาม กำลังติดตามขนาดคลื่นและข่าวสารอย่างใกล้ชิด และได้ประสานให้มีการอพยพประชาชนแล้ว

ทั้งนี้ ศูนย์เตือนภัยฯ ได้เตือนสึนามิจะเข้าภูเก็ตที่แรก16.40น.คลื่นสูง 3-4 เมตรพังงา 17.00 ความสูง 3-4 ม. กระบี่ 17.58 สูง 1-2 ม.ขณะที่ ทุ่นเตือนภัยมีปฏิกิริยาทั้ง 3 ตัว

ข้อมูลจาก http://www.posttoday.com

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

แผ่นดินไหวเม็กซิโกรุนแรง 7.6 ริคเตอร์










สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. เวลาประมาณ 12.00 น. ตรงกับเวลาประเทศไทยประมาณ 01.00 น.  ของวันที่ 21 มี.ค. ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 7.6 ริคเตอร์ สร้างแรงสั่นสะเทือนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก เป็นเวลานานหลายนาที และยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนรุนแรงได้ไกลถึงเมืองหลวงกรุงเม็กซิโกซิตี้ แม้อยู่ห่างออกมาหลายร้อยไมล์ ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกวิ่งหนีลงมาบนถนน

นายมาร์เซโล อีบราร์ด นายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี้ ยืนยันว่า แรงสั่นสะเทือนรุนแรงมาถึงเมืองหลวงของเม็กซิโกด้วย ระบบน้ำประปาและการให้บริการสำคัญอื่น ๆ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่มีคนตกใจพากันเผ่นลงมายืนกันตามถนนเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ประธานาธิบดีฟิลิเป้ คัลเดรอน แห่งเม็กซิโก แถลงว่ายังไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรง แต่ระบบโทรศัพท์ในเมืองขัดข้องเท่านั้น

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ แจ้งว่า เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลังเที่ยงวันของวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ในรัฐโออาซากา และอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 17.5 กม. จุดศูนย์กลางยังใกล้กับเมืองท่องเที่ยวอย่าง อคาปูโก ของเม็กซิโกด้วย แล้วยังห่างจากเมืองโอเมเทเปคในรัฐเกร์เรโรประมาณ 25 กม.เท่านั้น เบื้องต้นสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.9 ริคเตอร์ แต่ต่อมาได้ประกาศลดระดับลงเหลือ 7.6 ริคเตอร์

นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 6.2 ริคเตอร์ ในเขตภูมิภาคปาปัวของอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 02.56 น.ของวันที่ 21 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึก 66.9 กม. และห่างจากจังหวัดอิเรียนจายาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 154 กม. ไม่มีประกาศเตือนภัยสึนามิแต่อย่างใด

ข้อมูลจาก http://www.dailynews.co.th/world/18203

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

ระทึกกรุงถนนพระราม4ยุบตัวเป็นหลุมยักษ์กว้าง5ม.


ภาพ ธัญธร ทีวีไทย
เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (18 มี.ค.)  ขณะที่ พ.ต.ท.นิพนธ์ กุลชฤทธิ์ สว.จร.สน.ทุ่งมหาเมฆ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้รับแจ้งทางวิทยุว่า ถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า บริเวณใกล้ไฟแดงแยกวิทยุ ใต้สะพานไทย-เบลเยี่ยม เยื้องสถานีรถไฟใต้ดินลุมพินี(ประตู 2) แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน พื้นถนนเกิดการยุบตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชาติชาย วรกุล ผกก. หน่วยบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร เขตทุ่งมหาเมฆ กว่า 20 คน

ที่เกิดเหตุ เป็นถนน 3 เลน พบที่ช่องทางเดินรถช่องกลางและขวาสุด ถนนยุบตัวเป็นแนวกว้าง 5 เมตร ยาว 3 เมตร และลึกลงไป 2 เมตร โดยภายในหลุมที่ถนนยุบตัวลงไปนั้น สังเกตพบท่อเหล็กสีดำขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เมตรอยู่ภายใน และข้างใต้ทราบว่าเป็นชานชาลาของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลุมพินีด้วย เจ้าหน้าที่จึงรีบกั้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย และปิดการจราจร 2 ช่องทาง อนุญาตให้เดินรถได้เพียงช่องทางซ้ายสุดเท่านั้น ทำให้การจราจรบนถนนพระราม 4 ติดยาวหลายกิโลเมตร มีท้ายแถวอยู่บริเวณตลาดคลองเตย


จากการสอบสวนนายเรืองยุทธ์ มุสิกพันธ์ จยย.รับจ้างวินหน้าอาคารคิวเฮ้าส์ลุมพินี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุระหว่างขับขี่รถจยย. ภายหลังจากส่งผู้โดยสาร กำลังจะกลับมาเข้าวินตามปกติ ระหว่างนั้นได้สังเกตเห็นรถบรรทุกสิบล้อ จำสีและทะเบียนรถไม่ได้ จอดติดสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกดังกล่าว และมีรถยนต์เก๋งซึ่งจำลักษณะรถไม่ได้เช่นกัน จอดต่อท้ายอยู่อีก 1 คัน ทันทีที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นไฟเขียว รถทั้งสองจึงเคลื่อนตัวออกไป ทันใดนั้นได้ยินเสียงสนั่นหวั่นไหวมาจากบริเวณพื้นถนน เมื่อมองไปก็พบว่าถนนบริเวณช่องทางกลางและขวาสุด เริ่มค่อยๆยุบตัวลงอย่างช้าๆ จนรถยนต์เก๋งที่ต่อท้ายรถบรรทุกสิบล้อ เกือบตกหลุมอย่างน่าหวาดเสียว โชคดีที่รถยนต์เก๋งเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว ทำให้รอดพ้นการตกลงไปในหลุมได้ในที่สุด เบื้องต้นอยู่ระหว่างเร่งประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งมาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ขณะที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ ผอ.สำนักการโยธาและผอ.เขตปทุมวัน หลังได้รับรายงานกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของถนนยุบตัวในครั้งนี้ต่อไป

ข้อมูลจาก http://www.dailynews.co.th/thailand/17850

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

พายุสุริยะพัดผ่านโลก รุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี







สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเกิดการระเบิดพลังงานร้อนระอุ 2 ครั้ง บนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการแผ่รังสีและพายุแม่เหล็กโลก ส่งผลกระทบต่อโลกรุนแรงสุดในรอบ 5 ปี
     โดยพายุสุริยะครั้งนี้ จะพัดผ่านโลกในช่วงเช้าวันนี้(พฤหัสบดี) ตามเวลาในสหรัฐ หรือเวลาประมาณ 13.00 ถึง 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย


     ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเตือนถึงคลื่นรบกวนครั้งนี้ ว่า รังสีที่แผ่ออกมาจากพายุสุริยะ จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่อาจส่งผลรบกวนและทำให้เกิดการขัดข้องของเครือข่ายพลังงาน ระบบจีพีเอส ดาวเทียม และสายการบินต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณขั้วโลกหรือในประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ดังนั้นเครื่องบินที่จะบินผ่านบริเวณดังกล่าวจึงควรเปลี่ยนเส้นทางการบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
     นอกจากนี้ พายุสุริยะดังกล่าวยังอาจก่อให้เกิดปรากฎการณ์แสงเหนือ ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่าในบริเวณภูมิภาคที่อยู่ในละติจูดสูง หากในช่วงเวลาที่เกิดพายุท้องฟ้าโปร่ง
     ตามปกติพายุสุริยะจะเกิดขึ้นบ่อยเมื่อมีจุดบอดในดวงอาทิตย์มาก โดยอาจเกิดทุกวัน หรือวันละหลายครั้ง แต่หากเป็นพายุสุริยะที่ความรุนแรงมาก จะเกิดในรอบเฉลี่ยทุกๆ 11 ปี
     ทั้งนี้ เมื่อปี 2532 ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา พายุสุริยะส่งผลให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดของเมืองดับนานกว่า 9 ชั่วโมง และยังส่งผลกระทบไปถึงตอนเหนือของสหรัฐฯและสวีเดน ในขณะที่เมื่อปี 2515 พายุสุริยะครั้งรุนแรงส่งผลให้เครือข่ายระบบโทรศัพท์ทั้งหมดของรัฐอิลลินอยส์ไม่สามารถใช้งานได้




วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำท่วมในออสเตรเลียยังวิกฤติ




  





หลายรัฐในออสเตรเลียฝนตกหนักติดต่อกัน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านทางการเร่งอพยพปชช.หลายพันคน
          5 มี.ค.55 วิกฤติน้ำท่วมในออสเตรเลีย ทวีความรุนแรงมากขึ้นในวันนี้ จากการที่ประชาชนหลายร้อยคนจำต้องหนีออกจากบ้านเรือนในพื้นที่เกษตรกรรมอุดมสมบูรณ์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศส่วนรัฐทางตะวันออกของประเทศ ได้แก่ ควีนส์แลนด์ , นิวเซาท์เวลส์ และวิคตอเรีย ต้องเผชิญฝนหนักติดต่อกัน ทำให้น้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อล้นและไหลเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ถนนและสะพานหลายแห่งไม่สามารถใช้การได้
          เจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน ได้แสดงความห่วงใยภูมิภาคภูมิภาคริฟเวอริน่า ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่แม่น้ำมูร์รัมบิดจี้ กำลังไหลทะลักตลิ่งในบางพื้นที่ และไหลเข้าท่วมบ้านเรือน
          หลายหลังในบริเวณใกล้กับ แว็กก้า แว็กก้า ซึ่งถือเป็นสถานการณ์อันตรายทั่วภูมิภาค ทำให้ต้องสั่งอพยพยประชาชนอีกกว่า 1,000 คน
          บ้านเรือนและธุรกิจราว 30 หลัง ในเมืองกันดาไก ถูกน้ำท่วมในขณะที่กระแสน้ำเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับเมื่อปี 2553 นอกจากนี้ ยังพบว่า ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายอยู่ในระดับ
          อันตราย และอีกกว่า 4,600 คน ได้รับคำสั่งอพยพออกจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยมีผู้ที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมราว 2,500 คน
          ทางการยังได้เตือนไม่ให้ประชาชนขับรถฝ่ากระแสน้ำ หลังจากมีคนได้รับการช่วยเหลือจากรถยนต์กว่า 30 คน รวมทั้งผู้ใหญ่ 2 คน และเด็กอีก 3 คน ที่ติดอยู่ในรถที่แว็กก้า แว็กก้า และมีชายอีกคนหนึ่งเสียชีวิต หลังจากพยายามขับรถฝ่ากระแสน้ำ แต่ผู้โดยสารอีก 2 คน ที่อยู่ในรถ ได้รับการช่วยเหลือไปได้อย่างปลอดภัย
          ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้น และล่าสุดมีชายคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะรถยนต์ถูกกระแสน้ำพัดออกจากถนน ในเมืองเกลนวู้ด ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ตำรวจระบุว่า ไม่สามารถยืนยันรายงานที่ว่า มีรถยนต์อีกคันหนึ่งถูกน้ำพัดพาไปเช่นกัน เมืองเล็กๆ อีกหลายเมืองในรัฐวิคตอเรีย ก็กำลังเผชิญน้ำท่วมสูงเช่นกัน

          ที่มา: http://www.komchadluek.net

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

“ทอร์นาโด” ถล่มอเมริกา


ทอร์นาโดถล่มรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เสียชีวิต 9 ศพ รัฐมิสซูรี่ประกาศเตือนฉุกเฉินต่อทันที
วันนี้ ( 1 มี.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองแฮร์ริสเบิร์ก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า พายุฤดูหนาวรุนแรงก่อตัวเกิดเป็นทอร์นาโดหลายลูก พัดเข้าถล่มหลายรัฐทางตะวันตกของสหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 9 ศพ และบาดเจ็บอีกนับร้อยรายโดยทอร์นาโดที่พัดเข้าโจมตีเมืองแฮร์ริสเบิร์ก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประมาณ 4.30 น. ( 17.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) มีความเร็วลมอยู่ที่ 170 ไมล์ ( 270 กม./ชม. ) ส่งผลให้บ้านเรือนกว่า 300 หลัง และอาคารบริษัทอีก 25 แห่ง เสียหายราบเป็นหน้ากลอง

นางแพท ควินน์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งลงพื้นที่เพื่อสั่งการเจ้าหน้าที่ และตรวจสอบความเสียหายทันที เช่นเดียวกับนายเจย์ นิกสัน ผู้ว่าการรัฐมิซซูรีที่ต้องออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังทอร์นาโดหลายลูกพัดถล่มทางตอนใต้ของรัฐ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ศพ

ตั้งแต่วันอังคารที่ 28 ก.พ. ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯได้รับรายงานการเกิดทอร์นาโด 22 ลูก ใน 6 รัฐ ได้แก่ เนบราสกา แคนซัส มิซซูรี อิลลินอยส์ อินเดียนา และ เคนทักกี อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า อาจเกิดพายุฤดูหนาวรุนแรงในรัฐอลาบามา จอร์เจีย เคนทักกี มิซซิสซิปปี้ นอร์ทแคโรไลนา และเทนเนสซี ก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวไปยังชายฝั่งตะวันออก




ทั้งนี้ ในปี 2011 ทอร์นาโดได้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปกว่า 545 ศพ ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติจากพายุที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1936 โดยเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ทอร์นาโดนับสิบลูกได้พัดเข้าถล่ม 5 รัฐในสหรัฐฯ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมกันสูงถึง 314 ศพ และอีกหนึ่งเดือนถัดมา ในวันที่ 22 พ.ค. ทอร์นาโดได้พัดเข้าถล่มเมือง จอพลิน รัฐมิซซูรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 159 ศพ  และในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐฯต้องรับมือกับทอร์นาโดมากถึง 95 ลูก แต่มีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ศพ

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เนปาล..ทะเลสาบธารน้ำแข็งใกล้แตก



ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนกำลังทำให้ทะเลสาบธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย มีความเสี่ยงสูงที่จะแตกทะลัก

อาปา เชอร์ปา นักปีนเขาและมัคคุเทศก์นำเที่ยวภูเขาชาวเนปาล ซึ่งครองสถิติพิชิตยอดเขาเอฟเวอเรสต์มากที่สุดในโลกถึง 21 ครั้ง ออกมาเตือนเมื่อวานนี้ว่า ทะเลสาบธารน้ำแข็งจำนวนมากในเขตเทือกเขาหิมาลัยกำลังใกล้จะแตก โดยเขาเปิดเผยเรื่องนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางระยะ 1,700 กิโลเมตรข้ามเนปาลโดยใช้เวลา 120 วัน เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกต่อยอดเขาสูงบนหิมาลัย

อาปากล่าวว่า ทะเลสาบธารน้ำแข็งหลายร้อยแห่งบนเทือกเขาหิมาลัยกำลังมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากการละลายอย่างรวดเร็วของหิมะและน้ำแข็ง จากอุณหภูมิที่สูงขึ้น และเมื่อทะเลสาบล้น พนังก็อาจจะแตก และปล่อยน้ำปริมาณมหาศาลเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่ต่ำกว่า จึงจำเป็นต้องหาวิธีหยุดยั้งไม่ให้ทะเลสาบเหล่านี้แตก ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

อาปา เริ่มแบกอุปกรณ์และสัมภาระให้กับนักเดินทางและนักปีนเขา ตอนที่อายุได้ 12 ปี เขาเริ่มปีนยอดเขาเอฟเวอเรสต์ครั้งแรกเมื่อปี 2532 และหลังจากนั้นก็ปีนเป็นประจำทุกปี

ข้อมูลจาก http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/52513/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5--%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81.html



ธารน้ำเเข็งบนหิมาลัยละลาย หวั่นเกิดภัยพิบัติ เทือกเขาหิมาลัย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3



          นักปีนเขาเจ้าของสถิติโลก เตือน ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยกำลังละลาย เกิดทะเลสาบขนาดใหญ่ และบางแห่งกำลังจะแตก หวั่นอาจเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

          เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า อาปา เชอร์ป้า ผู้ครองสถิติพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสกว่า 21 ครั้ง และเป็นมัคคุเทศก์ในการนำนักปีนเขาปีนขึ้นสู่เทือกเเขาหิมาลัย ได้ออกมาบอกว่า เทือกเขาหิมาลัยกำลังเปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากหิมะได้ละลายลงอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดทะเลสาบหลายแห่งในบริเวณนั้น ซึ่งดูเหมือนว่า พนังกั้นของทะเลสาบบางแห่งกำลังจะแตก และน้ำก็ไหลลงไปที่หุบเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเกิดขึ้นมาก ๆ ก็เป็นไปได้ว่า น้ำจากหิมะละลายจะกวาดเอาหมู่บ้านกว่า 100 บริเวณหุบเขาไปจนเรียบ

          อาปา กล่าวว่า เมื่อครั้งที่เขาปีนขึ้นมาพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสเป็นครั้งแรก บริเวณนี้มีแต่หิมะและน้ำแข็ง ซึ่งนักปีนเขาสามารถใช้เกาะไว้ได้ แต่ในตอนนี้ ทางขึ้นเขาหลายแห่งเป็นเพียงพื้นดินเปล่า ๆ และมีหินโล้นแทรกขึ้นมา ซึ่งทำให้เกิดอันตรายเนื่องจากนักปีนเขามาจะลื่นลงมา อาปาได้เห็นธารน้ำเเข็งที่กำลังละลาย และสิ่งที่เขากังวลอย่างมากในตอนนี้คือ เหตุการณ์ภัยพิบัติขนาดใหญ่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า นอกจากนี้ อาปายังกล่าวว่า ในปี 1985 ธารน้ำเเข็งที่ละลายได้ทำลายบ้านของเขา คร่าชีวิตผู้คนในหมู่บ้านไปกว่า 7 คน สะพานในหมู่บ้านและโรงผลิตไฟฟ้าแห่งใหม่ก็พังลงเช่นกัน

          ทั้งนี้ สิ่งที่อาปากังวลมากที่สุดคือ มีธารน้ำแข็งแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ธารน้ำแข็งอิมจา กำลังละลายและทำให้เกิดทะเลสาบอิมจา ที่มีขนาดใหญ่กว่า 47 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเมื่อ 50 ปีก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีทะเลสาบอิมจามาก่อน

          นอกจากนี้ ฟูนูรู เชอร์ป้า เจ้าของธุรกิจอินเตอร์เน็ตคาเฟ่บนเทือกเขาหิมาลัย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ แถวนี้จะเป็นน้ำเเข็งทั้งหมด ตัวเขาเองได้เห็นธารน้ำแข็งค่อย ๆ ละลาย และเห็นทะเลสาบค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งนี่เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยกำลังละลายลงอย่างรวดเร็ว โดยสาเหตุน่าจะมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“ปลอดประสพ” แจงไต้ฝุ่น 27 ลูก กระทบไทยแค่ลูกเดียว


รมว.วิทยาศาสตร์ การันตี กทม.น้ำไม่ท่วม หรือ ท่วมน้อย
แจงไต้ฝุ่น 27 ลูก กระทบไทยแค่ลูกเดียว คาดทยอยเข้าไทยช่วง พ.ค.
หนักสุด ก.ย.- ส.ค. แต่มั่นใจบริหารจัดการน้ำได้

วันนี้ (14 ก.พ.) ที่โรงแรมอัมรินทร์ ลากูน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ชี้แจง ก่อนเข้าร่วมประชุมติดตามแผนงานและโครงการป้องกันน้ำท่วมจังหวัดพื้นที่ต้นน้ำกับนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ระบุว่าปีนี้จะมีไต้ฝุ่น 27 ลูก และพายุโซนร้อนอีก 3-4 ลูก ว่า ข้อมูลที่ได้นำเสนอไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้คิดเอง แต่อ้างอิงจากหลายแหล่งวิชาการ ทั้งจากสถาบันสมุทรศาสตร์ของสหรัฐฯ หรือโนฮาว ซึ่งดูแลมหาสมุทรแปซิฟิก ข้อมูลจากการใช้โมเดล ข้อมูลประวัติย้อนหลังของพายุ 100 ปี และข้อมูลจากอุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก และข้อมูลจากความสูงของคลื่นในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนตอนใต้ ซึ่งพบว่าจะมีไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกประมาณ 27 ลูก แต่เมื่อมาถึงประเทศไทยจะกลายเป็นพายุโซนร้อนประมาณ 3-4 ลูก ซึ่งในจำนวนนี้จะเข้าผ่ากลางและประชิดประเทศไทยแบบเต็ม ๆ ประมาณลูกเดียว ส่วนอีก 2-3 ลูกจะเฉียดข้าง ๆ แต่ก็ยังมีอิทธิพลต่อดินฟ้าอากาศในประเทศไทย ทำให้เกิดฝน และพายุ นอกจากนี้ก็จะมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านด้วย


“โดยสรุปจะมีผล 1,700 มิลลิเมตร ซึ่งถ้าคิดเป็นน้ำจะประมาณ 5-6 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร  แต่ป่าจะดูดซับเอาไว้ 50 % ก็จะเหลือ 2 หมื่นล้าน ลบ.ม. ซึ่งตามแผนของเราคือให้เขื่อนเก็บไว้ 5 พันล้าน ลบ.ม. ก็จะเหลืออีก 1.5 หมื่นล้าน ลบ.ม. ซึ่งน้ำก้อนนี้พอไหลผ่าน จ.พิจิตร นครสวรรค์ อยุธยา แก้มลิงก็จะทำงาน เก็บน้ำไว้อีก 5 พันล้าน ลบ.ม. เมื่อพ้นอยุธยามาก็จะเหลือน้ำอีก 1 หมื่นล้าน ลบ.ม.ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะผ่ากลางกทม.ด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา อีก 2 ส่วนจะไปออกทางแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางประกง โดยจะระบายผ่านกทม.วันละประมาณ 300-400 คิวเซ็ก ใช้เวลาเดือนครึ่ง หรือประมาณเดือน พ.ย.น้ำถึงจะหมดไป ประชาชนก็ไม่เดือดร้อน” นายปลอดประสพ กล่าว และว่า เราสมมุติฐานไว้ว่า ปริมาณน้ำจะเท่ากับปีที่แล้ว แต่การบริหารจัดการดีกว่าเดิม โดยควบคุมการระบายน้ำให้เข้า-ออกผ่านทางแก้มลิง  จะไม่มีการกั้นน้ำหรือทำบิ๊กแบกอีก ต้องให้น้ำมาและไปโดยเร็วที่สุด และปีนี้จะมีการกำหนดขั้นตอนการเตือนภัยโดยละเอียด 20 ข้อ ตั้งแต่พายุมา น้ำฝนไหลหลาก น้ำท่วมมาถึงภาคกลาง และการระบายน้ำพ้นกทม. เป็นต้น


“ยืนยันว่ากทม.ไม่ท่วมแน่นอน หัวเด็ดตีนขาด ถ้าท่วมก็จะท่วมน้อยมาก สั้นมาก ตื้นมาก เอาคอเป็นประกันได้” นายปลอดประสพกล่าว และว่า อย่างไรก็ตามแนวทางที่ดีที่สุดคือขณะนี้ กทม.ต้องไปขุดลอกคูคลองให้ดี และขอให้ผู้ว่าฯกทม.มาพูดคุยและร่วมกับประชุมกับพวกเราที่ จ.พระนครศรีอยุธยาตามคำเชิญด้วย เมื่อถามว่าพายุที่ว่าจะมาในช่วงไหน นายปลอดประสพ กล่าวว่า จะทยอยมาประมาณเดือน พ.ค. และหนักสุดก็เดือน  ก.ค.-ส.ค. ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ

ข้อมูลจาก http://www.dailynews.co.th/politics/12514